
Multi-lingual websites: ในขณะที่ทำการติดตั้งจูมล่านั้น ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกภาษาเพิ่มเติมจากภาษาอังกฤษได้ ซึ่งแตกต่างจากซอฟท์แวร์ตัวอื่นที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ add-onในการสร้างภาษาที่หลากหลายให้กับเว็บไซต์
Mobile Bootstrap framework: เว็บไซต์และระบบหลังบ้านนั้นสามารถเปิดใช้งานรองรับทุกหน้าจอโดยอัตโนมัติ
The Install from Web feature: ผู้ใช้สามารถติดตั้ง extensionในลักษณะที่คล้ายกันเหมือนใน WordPress โดยการเลือกจากสาระบบบนเว็บไซต์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดมาก่อน
Front-end editing: นอกเหนือจากการแก้ไขบทความบนหน้าเว็บไซต์คุณยังสามารถที่จะแก้ไขโมดูลและเมนูต่างๆ ได้ ซึ่งการแก้ไขนี้เป็นประโยชน์ต่อระบบการจัดการบนหน้าเว็บไซต์
Versioning: เป็นระบบความปลอดภัยสำหรับบทความของผู้ใช้ ระบบนี้จะทำสำเนาบทความของผู้ใช้เมื่อมีการแก้ไขทันที ซึ่งคุณลักษณะนี้คล้ายคลึงกับ WordPress Revisions System ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถดูสิ่งที่ทำการแก้ไขไปแล้ว และสามารถเปรียบเทียบงานที่ยังไม่ถูกแก้ไขกับงานที่แก้ไขแล้ว ซึ่งผู้ใช้สามารถแปลงงานไปเป็นงานเดิมได้
Tags system: ปัจจุบัน บทความ, แหล่งป้อนข่าว, ลิสต์รายชื่อ, และหมวดหมู่ มีส่วนเพิ่มเติมที่เรียกว่า Tags และสามารถนำไปใช้บนหลายบทความได้ Tags ไม่มีส่วนรับผิดชอบ URLs ของเว็บไซต์แต่สามารถที่จะรวบรวมบทความต่างๆ หากบทความ แหล่งป้อนข่าวหรือสิ่งอื่นบนหน้าเว็บไซต์ได้รับการTag เมื่อเคลื่อนเมาส์ไปที่ Tag นั้นจะแสดงให้เห็นถึงลิสต์รายการทุกอย่างที่มี Tagเดียวกัน
Smart Search: เป้าหมายสำหรับ in-build extension ตัวใหม่นี้มีเพื่อพัฒนาการค้นหาข้อมูล และเทคนิคกลวิธีต่างๆ ของ Google Smart Search โดยยังมี Pre-defined filters ซึ่งเป็นการจำกัดและจัดการ Traffic data ของเว็บไซต์ให้กับผู้ใช้เพื่อที่ผู้ใช้จะสามารถตั้งค่าผลลัพธ์ที่จะถูกแสดงขึ้น หลังจากทำการวัดค่าดัชนีเป็นครั้งแรกแล้ว Joomla จะทำดัชนีต่อบทความของคุณโดยอัตโนมัติ
Security Data: Joomla มีระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงมาก ซึ่งแตกต่างจาก CMS เจ้าอื่นๆ ในกรณีที่ Joomla เจอช่องโหว่ Joomla จะทำการอัพเดทออกมาเพื่อปิดช่องโหว่นั้นได้ไวกว่า CMS เจ้าอื่น เพราะ Joomla มีชุมชนนักพัฒนาค่อนข้างแข็งแกร่ง
Joomla’s extension: มี Extension ให้เลือกใช้มากมายซึ่งมีทั้งฟรีและไม่ฟรี ว่าง่ายๆคือคุณสามารถเลือกใช้ Extension ตามความต้องการของเว็บไซต์และธุรกิจของคุณได้ทันที
บทสรุป
Joomla เป็นที่สนใจของกลุ่มพัฒนาและองค์กรต่างๆเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่สูงกว่าและมีความยืดหยุ่นที่มากกว่า และเนื่องจากกลุ่มพัฒนาที่มีอยู่จำนวนมาก เป็นเหตุทำให้การเลือกใช้ บริษัทที่พัฒนา Joomla กับนั้นไม่จำเป็นต้องยึดติดกับบริษัทเดียว เพราะ Joomla มีความเป็น Universal CMS และ Open Source ทำให้วันใดวันหนึ่งหากเราไม่ต้องการให้บริษัทที่คุณใช้บริการพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป คุณก็สามารถเปลี่ยนหรือย้ายผู้ให้บริการได้ โดยที่เว็บไซต์ของคุณไม่จำเป็นต้องนับหนึ่งใหม่และสามารถต่อยอดจากเว็บไซต์เดิมที่มีอยู่ได้ทันที
WordPress จะใช้งานง่ายกว่าสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และมีผู้ใช้งานจำนวนมากเนื่องจาก WordPress เหมาะสมกับการทำไปทำ Blog มากกว่า เป็นเหตุผลทำให้ WordPress มีสถิติการทำ SEO ที่สูงกว่า Joomla นั่นเอง แต่โดยสถิติการทำเว็บไซต์นั้นในระดับธุรกิจนั้นมักจะเลือกใช้ Joomla ในการพัฒนาเว็บไซต์ของตน