
ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ พร้อมกับสีดำที่เรียกว่า “Jet Black”
แม้จะไม่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปมากจาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รุ่นก่อน แต่ตรงตามข่าวลือที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ และมีการเพิ่มตัวเลือกของสีขึ้นมา คือ สีดำ โดยแบ่งเป็นสองแบบ คือ สีดำเงา (Jet Black) และสีดำด้าน (Black) จึงมีตัวเลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ได้แก่ Silver, Gold, Rose Gold, Black และ Jet Black ทั้งนี้สีดำเงา (Jet Black) นั้นมีให้เลือกเฉพาะขนาดความจุ 128GB และ 256GB เท่านั้น
ชิปเซ็ตประมวลผล Quad-Core A10

Apple A10 ครั้งนี้ Apple เปิดตัว iPhone 7 พร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล 64 bit Quad-Core A10 Fusion และ M10 Motion Coprocessor ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า Apple A9
ขนาดความจุที่เปลี่ยนไป No More 16GB !
จริง ๆ อยากจะบอกว่าเป็นข่าวดีด้วยซ้ำ เพราะเรารู้ดีว่าการใช้ 16GB ไม่อาจเพียงพอต่อการเก็บข้อมูลให้คุณได้ ครั้งนี้อยากจะปรบมือดัง ๆ ให้กับทีมงาน Apple ที่ได้จัดทำ iPhone 7 ให้มีขนาดความจุตั้งแต่ 32GB, 128GB และ 256GB
เมื่อปุ่มโฮมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับหน้าจอ และใช้งานสัมผัสด้วย Taptic Engine
เรียกอีกอย่างว่าเทคโนโลยี 3D Touch ที่อยู่บนหน้าจอ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus หรือการกดด้วยน้ำหนักที่แตกต่างกัน หรือจำนวนในการกดที่แตกต่างกัน เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชั่นการทำงานต่าง ๆ แบบ Quick Actions ซึ่งการทำงานนี้เป็นระบบเดียวกันกับการใช้งาน MacBook Air หรือ MacBook Pro นั่นเอง
กล้องแบบ Dual-Camera สำหรับ iPhone 7 Plus กับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ดูเหมือนว่าโจทย์นี้จะเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะนี่คือครั้งแรกที่ Apple ได้ทำการผลิตกล้องดิจิตอลที่มีระบบเซนเซอร์รับภาพแบบอัจฉริยะ บน iPhone 7 Plus ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ทั้ง 2 เลนส์ สามารถซูมได้ 10 เท่า มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), รูสำหรับการรับแสงกว้างสูงสุด F/1.8, สามารถถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม, ใช้โครงสร้างเลนส์ถึง 6 ชิ้น, ไฟแฟลชทั้งหมดสี่ดวง (Quad-LED) และมีระบบช่วยในการคำนวณค่าแสงตามสภาพจริง หรือใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Machine Learning ที่ช่วยแยกฉากหลังและฉากหน้า เหมือนกับการถ่ายภาพด้วยกล้องแบบ DSLR นั่นเอง
สำหรับ iPhone 7 นั้น ก็ไม่แพ้กันกับ iPhone 7 Plus กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ตัวกล้องเป็นแบบ Single-Camera มีไฟแฟลชแบบ Quad-LED ให้ความสว่างมากกว่าเดิมถึง 50% และกล้องดิจิตอลด้านหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.2 และมีระบบกันสั่นแบบ OIS เช่นเดียวกันกับ iPhone 7 Plus
กันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67
นึกว่าครั้งนี้ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple จะปล่อยให้รอเก้อ แต่ก็ไม่ผิดหวังเมื่อมีการประกาศว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีฟีเจอร์ป้องกันน้ำและกันฝุ่น โดยสามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที แต่ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะช่วยป้องกันปัญหาการเกิดความชื้นของแบตเตอรี่ได้

AirPods หูฟังไร้สายแบบใหม่ พร้อมกับการสั่งงาน Siri
AirPods หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ สามารถใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พร้อมระบบปฏิบัติงานชิปเซ็ต Apple W1 ด้วย Dual Optical Sensor และ Accelerometer Sensor จะช่วยตรวจจับตำแหน่งของ AirPods เมื่ออยู่ในหู ก็จะมีเสียงเพลงดังขึ้นและหยุดเล่นทันทีเมื่อมีการถอดหูฟังทั้งสองข้างหรือข้างเดียวออก และสามารถเล่นเพลงโดยอัตโนมัติเมื่อใส่หูฟังกลับไปใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ Apple และ Siri ได้โดยการแตะเพียง 2 ครั้ง

แบตเตอรี่การใช้งานที่ยาวนานกว่าเดิม
แม้ว่าจะไม่มีการระบุถึงขนาดแบตเตอรี่ แต่ทาง Apple ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่า iPhone 7 สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 6S ถึง 2 ชั่วโมง และ iPhone 7 plus สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 6 Plus ประมาณ 1 ชั่วโมง
ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
สำหรับราคาของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ได้จัดเรียงตามลำดับ ดังนี้
• iPhone 7 ขนาด 32 GB ราคา $649
• iPhone 7 ขนาด 128 GB ราคา $749
• iPhone 7 ขนาด 256 GB ราคา $849
• iPhone 7 Plus ขนาด 32 GB ราคา $769
• iPhone 7 Plus ขนาด 128 GB ราคา $869
• iPhone 7 Plus ขนาด 256 GB ราคา $969
เปิดจองรอบแรก 9 กันยายน 2016 นี้ จำหน่ายให้กับในประเทศออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยียม, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ญี่ปุ่น, ลักเซมเบิร์ก, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, เปอร์โตริโก, สิงคโปร์, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา และสหรัฐอเมริกา
ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายรอบที่ 2 คือวันที่ 23 กันยายน 2016 ในประเทศอันดอร์รา, บาห์เรน, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บัลแกเรีย, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เอสโตเนีย, กรีซ, กรีนแลนด์, เกิร์นซีย์, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, เกาะแมน, เจอร์ซีย์, คอซอวอ, คูเวต, ลัตเวีย, ลิกเตนสไตน์, ลิทัวเนีย, มัลดีฟส์, มอลตา, โมนาโก, โปแลนด์, กาตาร์, โรมาเนีย, รัสเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, สโลวาเกีย และสโลวีเนีย ส่วนในประเทศอินเดีย วางจำหน่ายวันที่ 7 ตุลาคม 2016
ขอขอบคุณที่มา ผู้เขียน สุนิษา ค๊าสตารี iPrice