รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์ บริษัทรับทำเว็บไซต์ รับดูแลเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์ จดโดเมน เว็บโฮสติ้ง ดูแลคอมพิวเตอร์ วางระบบ network ระบบรับจองออนไลน์ ระบบสนามกอล์ฟ web design responsive web design web responsive custom website design bespoke web design booking system web maintenance ecommerce website web design thailand web management website maintenance DiTC ดีไอทีซี ธรรมนิติ

เทคนิคทำให้เว็บโหลดเร็ว ลดน้ำหนักรูปแบบได้ผลกว่า T25 !!

10 Dec 2025      เขียนโดย : muksuda


เทคนิคการเลือกนามสกุลไฟล์รูป ใช้ PNG หรือ JPEG ดีกว่ากัน

การเลือกนามสกุลไฟล์รูปสำคัญมากในงาน Graphic Design สายสิ่งพิมพ์อาจไม่สำคัญมากนัก เพราะรูปเล็กใหญ่ยังไงก็ส่งผ่าน CD อยู่แล้ว แต่ในงาน Web Design การเลือกนามสกุลไฟล์รูปสำคัญมาก

มาดูกันก่อนว่าไฟล์รูปที่ใช้กันในเว็บไซต์มีอะไรบ้าง มีนามสกุลไฟล์หลัก ๆ ดังนี้:

ไฟล์รูปภาพ แบบ PNG
  • แบ่งเป็น PNG-8 (แสดงผลได้ 256 สี) กับ PNG-24 (แสดงผลได้ 16 ล้านสี)
  • ถ้าสีน้อย ขนาดไฟล์จะเล็ก ถ้าสีเยอะ ขนาดไฟล์จะใหญ่ (มาก)
  • ตัดพื้นหลังใส หรือสีกึ่งใสได้
  • เหมาะกับไฟล์รูปพวก Logo, Vector Art, Illustration ที่สีไม่เยอะมาก และรูปไม่ใหญ่มาก
  • เหมาะกับไฟล์รูปที่ต้องมีการตัดพื้นหลังใส หรือกึ่งใส ที่ต้องการความคมชัด (PNG24 คุณภาพรูปจะดีมากแต่ไฟล์หนักมากเช่นกัน)
ไฟล์รูปภาพ แบบ JPG / JPEG
  • แสดงผลได้ 16 ล้านสี
  • รูปสีเยอะไฟล์จะเล็กกว่า PNG ประมาณ 5-10 เท่า (แต่ความคมชัดก็น้อยกว่า)
  • ตัดพื้นหลังใสไม่ได้ สีทึบเท่านั้น
  • เหมาะกับไฟล์รูปพวก รูปถ่าย (Photo) ที่มีสีเยอะ ๆ
ไฟล์รูปภาพ แบบ GIF

 

  • ทำ Animate ได้
  • แสดงผลได้ 256 สี
  • ตัดพื้นหลังใสได้ แต่สีกึ่งใสไม่ได้
  • เหมาะกับไฟล์รูปที่ต้องมี Animate ขำ ๆ ส่วนนอกนั้นใช้ PNG / JPEG แทนดีกว่า

ใช้ PNG หรือ JPEG ดีกว่ากัน

เนื่องจาก GIF เหมาะกับรูปที่ต้องการทำอนิเมทขำ ๆ เท่านั้น และรองรับสีได้น้อย ในปัจจุบันเราจึงพบเห็นรูปแบบ GIF ในงาน Web Design น้อยมาก

ส่วนจะเลือกใช้ PNG หรือ JPEG ดีกว่ากันนั้น เราจะมาเปรียบเทียบกันที่ขนาดไฟล์ครับ ลองดูรูปต่อไปนี้:

 

 

จะเห็นว่าถ้าเป็นรูปถ่ายที่มีสีเยอะ ๆ เซฟไฟล์เป็น JPEG มีขนาดเพียง 18 kb แต่ถ้าใช้ PNG-24 จะมีขนาดถึง 258 kb ต่างกันเป็นสิบเท่า อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นรูปวาดในคอม หรือโลโก้ที่สีไม่เยอะมาก การใช้ PNG จะทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่า และขนาดไฟล์เล็กกว่าหรือพอ ๆ กับ JPEG

 

สรุปเรื่องการเลือกนามสกุลรูป

รูปสีน้อย + มีพื้นหลังใส / กึ่งใส = PNG-8
รูปสีเยอะ + มีพื้นหลังใส / กึ่งใส = PNG-24
รูปสีเยอะ + ไม่มีพื้นหลังใส = JPEG

 

ถ้าเลือกนามสกุลรูปยังไม่เล็กพอ ยังมีวิธีลดขนาดไฟล์ได้อีก!!

การเลือกนามสกุลของไฟล์รูปให้เหมาะสมจะช่วยได้ในระดับนึงเท่านั้นครับ เราสามารถบีบให้เล็กลงได้อีกขั้นด้วยการใช้เครื่องมือช่วยลดขนาดรูป ซึ่งจากการที่ผมเทสพวก Command Line Tool และ Online Tool ต่าง ๆ ก็พบว่าบริการบีบอัดที่เป็นเว็บไซต์ออนไลน์สามารถใช้งานได้ง่ายกว่า / เสถียรกว่า

อันนี้เป็นตัวอย่าง Folder รูปในเว็บไซต์ที่ผมทำล่าสุดครับ ด้านซ้ายเป็นขนาดทั้งหมดก่อนโยนเข้าเว็บลดขนาดรูป ส่วนด้านขวาเป็นขนาดหลังโยนเข้าเว็บ จะเห็นว่าลดลงไปเกิน 50% อีก

 

 

ซึ่งเว็บไซต์ลดขนาดรูปพวกนี้ เราสามารถใช้บริการได้ฟรี มาดูกันครับว่ามีเว็บไซต์ไหนน่าใช้งานบ้าง:

 

TINYPNG ลดขนาดรูป PNG แบบหลายรูปพร้อมกัน

 

 

เว็บไซต์นี้ย่อได้เฉพาะรูป PNG เท่านั้น ซึ่งความเทพของมัน คือ สามารถบีบได้ถึงครั้งละ 20 รูป รูปละไม่เกิน 5 MB แถมยังบีบได้เร็วมาก ๆ ด้วยครับ จากรูปด้านบนจะเห็นว่ามันบีบขนาดลงมาถึง 60 – 70% ต่อรูปเลยทีเดียว

นอกจากนั้น ถ้าใครไม่อยากเสียเวลามาใช้บนเว็บทีละ 20 รูป ก็มีแบบ Photoshop Plugin ขายในราคา $35 (ประมาณ 1150 บาท) รองรับทั้ง Windows และ Mac OS

 

JPEGMINI ลดขนาด JPEG ฟรีทีละรูป

 

 

เว็บไซต์นี้ไม่สะดวกเท่า TinyPNG ตรงที่ย่อได้แค่ทีละรูป เพราะคนสร้างกะขายโปรแกรมย่อ JPEG ราคา $20 (ประมาณ 600 บาท) ครับ โปรแกรมรองรับทั้ง Windows และ Mac OS ซึ่งสามารถบีบรูปลงได้ เยอะครับ จากรูปด้านบนจะเห็นว่าบีบจาก 200 kb เหลือ 60kb เท่านั้น

 

COMPRESSOR ลดขนาดรูป PNG / JPEG / GIF / SVG ฟรีทีละรูป แถมเซฟลง DROPBOX

 

 

เว็บนี้แอดมินเพิ่งมาเจอหลังใช้ TinyPNG กับ JPEGMini บีบไปหมดแล้วครับ น่าสนใจตรงที่สามารถบีบได้หลายนามสกุลในเว็บเดียว แถม SVG ที่ปกติไม่ค่อยมีคนบีบมาด้วย (ปกติ SVG เป็น Text ที่เราแก้ไขเองได้อยู่แล้ว) เท่าที่ลองดูเว็บไซต์นี้ช่วยบีบรูปได้ดีพอ ๆ กับ JPEGMini เลย แถมด้วยฟีเจอร์ตอน Save ที่สามารถเลือกเซฟลงเครื่อง / Google Drive / Dropbox ได้ทันที

 

 

สรุปเทคนิคการลดขนาดรูป

เลือกนามสกุลรูปให้ถูก รูปถ่ายใช้ JPEG รูปวาดใช้ PNG ใช้โปรแกรม / เว็บไซต์ช่วยบีบอัดไฟล์ แค่ 2 วิธีง่าย ๆ ก็ทำให้เว็บไซต์เบาลงหลาย MB แล้วครับ ซึ่งถ้าใช้ควบคู่กับ เทคนิคทำ CSS Sprite จะทำให้เว็บโหลดเร็วขึ้นไปอีก

 

แหล่งที่มา : designil

 

หมวดหมู่